กางเกง,พันธุกรรม คาวบอยหนุ่ยตากกางเกงตัวโปรดเอาไว้ริมหน้าต่างห้องพักราคาถูกในคืนหนึ่ง รุ่งเช้า กางเกงตัวเดียวที่เขามีใส่……หายไป มีบุคคลที่น่าสงสัยอยู่สามคนคือ บาร์เทนเดอร์ บาทหลวง และลูกชายเจ้าของโรงแรมที่เขาพัก ยุคนั้นกางเกงของทุกคนจะมีรูปทรง เนื้อผ้า และการตัดเย็บที่เหมือนกัน จะต่างก็แค่ความเก่าใหม่ ซึ่งก็ไม่สามารถเอามาเป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ว่ากางเกงตัวไหนจะเป็นของเขาจริงๆ คาวบอยหนุ่มเดินแก้ผ้าโทงๆไปแจ้งความกับนายอำเภอ นายอำเภอจึงสบโอกาสที่จะเอาวิธีการจับขโมยที่เพิ่งอ่านมาจากหนังสือนิทานโบราณมาลองใช้ โดยให้ผู้ต้องสงสัยทั้งสามผลัดกันเข้าไปจับหางม้าที่แอบทาสีดำไว้ แล้วแกล้งพูดหลอกว่า หางม้านี้เป็นหางม้าวิเศษ ถ้ามีคนขี้ขโมยมาจับเข้าม้าจะร้องเสียงดังทันที ซึ่งตามหลักคนที่เป็นขโมยจะไม่กล้าจับ เพราะกลัวม้าร้อง แต่ยุคนี้ไม่มีใครเชื่อเรื่องของวิเศษอีกแล้ว ผลจึงปรากฎออกมาว่า ผู้ต้องสงสัยทุกคนกล้าจับหางม้า จนมือมีสีดำติดกันหมด นายอำเภอจนปัญญา ต้องทนมองคาวบอยหนุ่มแก้ผ้าโทงๆต่อไป โชคยังไม่โหดร้ายเกินไปนัก เย็นวันต่อมา มีหมอมือปราบจากเมืองหลวงและผ่านมาพอดี คุณหมอมีความคิดในการพิสูจน์กางเกงทีดูจะทันสมัยกว่า ตามทฤษฎีบอกว่ากางเกงที่คนเราใส่ตลอดแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับผิวหนัง ถ้านำมาละลายน้ำ แล้วตรวจแยกดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เปรียบเทียบกับเลือดหรือเนื้อเยื่อของเจ้าของกางเกงจะพบ ว่ามีการจัดเรียงตัวของ “หน่วยพันธุกรรม” ที่เหมือนกัน แม้จะไม่มีการพิสูจน์ทฤษฎีที่ว่านี้อย่างจริงจัง เพราะคาวบอยหนุ่มดันไปพบกางเกงโปรดของตนตกจมโคลน อยู่ใต้ถุนโรงแรมซะก่อน ลมคือตัวการสำคัญ แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ช่างตัดกางเกงหัวใส มีความคิดที่จะถ่ายทอดสารทางพันธุกรรมลงไปใน กางเกงของลูกค้าด้วย เพื่อป้องกันการถูกขโมย “กางเกงพันธุกรรม” หรือ “กางเกงยีน” จึงค่อยๆได้รับความนิยม… ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากหนังสือ “เรื่องสั้นประจำส้วม” แต่งโดยคุณ “บัวไร อ๋อเข้าใจแล้ว มันเป็นแบบนี้นี่เอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 Response to "กางเกง,พันธุกรรม"
แสดงความคิดเห็น